น้ำตาล เครื่องปรุงยอดฮิตที่มักนำมาใส่ในทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เครื่องดื่ม
แทบจะทุกอย่างที่เรารับเข้าร่างกายมักมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น
ซึ่งหากเมนูไม่ใส่ น้ำตาล พี่ปินิกซ์ก็ยอมรับว่า รสชาติดูจะขาดอะไรไปสักหน่อย
แต่ภายใต้ความหวานนั้น เพื่อน ๆ รู้ไหมว่า มีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง
ก่อนอื่นเราจะมาท้าวความเกี่ยวกับเจ้าน้ำตาลนี่ก่อนนะคะ
น้ำตาล คือ . . . และน้ำตาลนั้นมาจากไหน
หัวข้อสุดจะเบสิคที่ไม่เล่าไม่ได้เลย นั่นคือ ที่มาของน้ำตาลเม็ดเล็ก ๆ สีขาวบางทีก็น้ำตาลอ่อน แถมยังมีชื่อเรียกหลายแบบทั้งน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลกรวด น้ำตาลก้อน
เกร็ดความรู้
น้ำตาล คือ คาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานชนิดหนึ่ง
ทั้งยังให้ความหวานอีกด้วย โดยน้ำตาล 1 กรัมมีพลังงาน 4 แคลอรี่
ที่เราเรียกชื่อว่าน้ำตาลทั้งที่ส่วนมากสกัดมาจากอ้อยก็เพราะ ในสมัยก่อนเราได้น้ำตาลมาจากน้ำหวานของผลตาลนั้นเอง ก็เลย ชื่อว่า “น้ำตาล”
ปัจจุบันมักสกัดมาจากทั้งอ้อย ตาล และมะพร้าว เวลาเรียกก็แค่เติมคำว่าน้ำตาลไว้ด้านหน้า เช่น ทำมาจากมะพร้าวก็เรียกน้ำตาลมะพร้าว ทำจากตาลก็น้ำตาลโตนดเป็นต้น
ส่วนที่ทำจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำให้เป็นน้ำตาลทรายก็จะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ
ที่นี่พอมาดูที่ลักษณะรูปแบบของน้ำตาลก็มีหลากหลายเลย เช่น ถ้าทำเป็นเม็ดเล็ก ๆ ก็น้ำตาลทราย ถ้าทำให้เป็นก้อน ๆ หน่อยก็เรียกน้ำตาลกรวด ถ้านำไปหลอมให้เป็นปึก ๆ ก็เรียกน้ำตาลปึกนั่นเอง
นอกจากพืชที่พี่ปินิกซ์กล่าวมาก็ยังมีพืชอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำตาลได้ เช่น หัวบีท (Beet roots), หญ้าคา นอกจากนั้นยังสามารถนำรวงผึ้งมาทำเป็นน้ำตาลได้อีกด้วย ส่วนน้ำตาลทรายนอกเหนือจากได้มาจากอ้อย ก็สามารถสกัดได้จาก อินทผลัม ข้าวฟ่าง ซูการ์เมเปิ้ลได้ด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่พี่ปินิกซ์อยากโม้ คือ ประเทศเราสามารถผลิตน้ำตาลได้เป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียวเป็นรองก็แต่อินเดียและบราซิลเท่านั้น
เพราะอะไรเราจึงมักติดน้ำตาล
น้ำตาลเป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่งที่ได้มาจากธรรมชาติ เติมใส่เมนูไหนก็อร่อย กลมกล่อม
แถมไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาหารเท่านั้น เพราะเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ต้องใช้ความหวานของน้ำตาลทั้งนั้น
เรียกว่าน้ำตาลอยู่คู่กับสิ่งที่เรารับประทานตั้งแต่ตอนเช้าที่เราตื่น บางคนชอบดื่มชา กาแฟตอนเช้าก็ได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายแล้ว
เครื่องดื่มผ่านไป มื้อเช้าไม่ว่าจะทานอะไรก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะหมูปิ้ง ลูกชิ้น กับข้าวก็ล้วนมีส่วนผสมของน้ำตาลทั้งนั้น
หากไปรวมกับมื้อเที่ยง มื้อเย็นอีก บอกเลยว่าเยอะจนไม่กล้านับเลยทีเดียว
นี่จึงไม่แปลกที่เราทุกหากได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
ถัดไปพี่ปินิกซ์จะเล่าถึงสาเหตุทำไมเราจึงมักเสพติดน้ำตาล คำว่าเสพติดตรงนี้ไม่ได้มีความหมายเดียวกับสารเสพติดนะคะ แต่หมายถึง เราเสพติดรสชาติความหวาน อร่อยของมันต่างหาก
พี่ปินิกซ์อยากให้เพื่อน ๆ ลองนึกถึงอาหารหรือขนมแสนอร่อย เช่น ยำวุ้นเส้นทะเล วุ้นเส้นนุ่มกรอบคลุกเคล้าด้วยน้ำยำ 3 รส บีบมะนาวเล็กน้อย พร้อมหมูสับ เพื่อน ๆ คิดว่า ในยำวุ้นเส้นนี้ มีน้ำตาลไหมคะ
คำตอบคือมีแน่นอนค่ะ แต่น้ำตาลได้ละลายไปกับเครื่องปรุงที่เป็นน้ำเรียบร้อยหมดแล้ว เราจึงไม่มีทางมองเห็นว่าเรากำลังทานน้ำตาลเข้าไปเท่าไรต่ออาหาร 1 จาน
แล้วด้วยรสชาติของมันนั้นเองที่ทำให้เรามักโหยหาน้ำตาลตลอดทั้งวัน อีกอย่างทุกครั้งที่ร่างกายได้รับน้ำตาลเข้าไปก็จะเกิดการหลั่ง โดปามีน และการได้รับน้ำตาลจะกระตุ้นให้สมองของเรารับทริปโตเฟนมากขึ้น ซึ่งเจ้าทริปโตเฟนนี้ใช้ในการสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข (เซโรโทนิน)
สังเกตไหมคะ
ทุกครั้งที่ได้รับอะไรหวาน ๆ เราจะรู้สึกดี ไม่หงุดหงิด ก็เพราะแบบนี้ด้วยนั่นเอง
บางคนอาจตั้งคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น การทานน้ำตาลก็ดีแล้วนี่นา แต่ที่พี่นิกซ์อยากเล่านั้นไม่ใช่ข้อดีของน้ำตาลนะคะ
แต่เป็นโทษที่จะเกิดขึ้นจากการบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไปต่างหาก
เพื่อน ๆ พร้อมจะฟังกันหรือยังคะ สำหรับใครที่กำลังถือของหวานในมือ พี่ปินิกซ์แนะนำให้วางลงก่อน แล้วมาฟังพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
โทษของน้ำตาล
จะบอกว่าโทษของน้ำตาลไปเลยก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะความจริงแล้วน้ำตาลก็มีประโยชน์นะคะ เพียงต่อต้องไม่ทานเยอะเพราะว่าหากทานมาก ๆ จะส่งผลต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้
น้ำตาลนั้นมีส่วนทำให้เกิดโรคอ้วน หลอดเลือดหัวใจ สมองเสื่อม โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรคนั้นเป็นแล้วแทบไม่มีโอกาสเลยทีเดียว
แค่ประโยคด้านบนพี่ปินิกซ์ว่าก็อันตรายมาก ๆ แล้ว แต่โทษของน้ำตาลไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะว่าบางครั้งน้ำตาลก็ถูกตั้งฉายาว่ายาพิษของวงการอาหาร อะไรจะฟังดูน่ากลัวขนาดนั้น
ขอเล่าถึงงานวิจัยของนักวิจัยจาก Harvard คร่าว ๆ ทางทีมวิจัยได้พบว่าคนที่ลดน้ำหนักมากว่า 15 ปี และบริโภคน้ำตาลเป็นประจำ มีแนวโน้ม 38% ที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
ตรงกับความเป็นจริงที่ว่า การบริโภคน้ำตาลเพิ่มเพียงหนึ่งหรือสองครั้งต่อวัน ก็ช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึง 10-20%
จากรายงานการศึกษาในปี 2018 ในด้านโภชนาการ ได้ยินแบบนี้แล้ว พี่ปินิกซ์อดคิดไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เกิดจนอายุปูนนี้ ร่างกายรับน้ำตาลมาจนเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจหรือยังนะ
แต่โทษของน้ำตาลไม่ได้มีแค่นี้นะคะ เพราะน้ำตาลยังทำให้
- กดระบบภูมิคุ้มกัน
- น้ำตาลสามารถนำไปสู่การก่อตัวของนิ่วในไต
- นำไปสู่โรคมะเร็งรังไข่
- ลดประสิทธิภาพการทำงานของโปรตีนในเลือด ในการจัดการกับไขมันและคอเลสเตอรอล
- ลดความสามารถของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
- สามารถก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- สามารถก่อให้เกิดฟันผุ
- สามารถก่อให้เกิดโรคหัวใจ
- มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- น้ำตาลสามารถเพิ่มปริมาณของไขมันในตับ
สมฉายา ยาพิษในวงการอาหารเสียจริง ๆ ถัดไปพี่ปินิกซ์จะมาบอกข้อดีว่าถ้าเราสามารถหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นน้ำตาลได้จะส่งผลดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
ข้อดีหากเลิกน้ำตาลได้
- ลดความเสี่ยงโรคอ้วนและไขมันสะสมในร่างกาย แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไปทานอาหารอย่างอื่นมากเกินความต้องการของร่างกายก็เสี่ยงต่อโรคอ้วนอยู่ดีนะคะ
- ลดความเสี่ยงจากโรคที่พี่ปินิกซ์กล่าวไว้ด้านบน ทั้งเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิต มะเร็ง รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
- ลดการเกิดริ้วรอยหรือดูแก่กว่าวัย สำหรับข้อนี้สาว ๆ เห็นคงตั้งใจอ่านเป็นพิเศษ ใช่เลยค่ะ ใครจะยอมแก่
พี่ปินิกซ์ขออธิบายแบบนี้ ผิวของเราจะมีคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยให้ผิวของเราแข็งแรงและยืดหยุ่น ถ้าเราบริโภคน้ำตาลเข้าไป น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผิวของเราสูงขึ้น แล้วน้ำตาลบริเวณดังกล่าวจะจับกับอีลาสตินและคอลลาเจน (ที่พี่ปินิกซ์อธิบายไปตอนแรก) กลายเป็น AGEs
ซึ่งตัวนี้นี่แหล่ะเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอย เพราะ เจ้า AGEs ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่ออีลาสตินและคอลลาเจนที่ผิวของเราเสื่อมสภาพ จากที่ตึง ๆ ก็หย่อนคล้อย
จริง ๆ AGEs ที่ผิวหนังของเราจะเพิ่มขึ้นอยู่แล้วตามอายุ แต่ว่า น้ำตาล ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิด ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น
นอกจากนั้น เจ้า AGEs ยังสามารถยับยั้งกลไกในการทำลายโปรตีนที่เสื่อมสภาพของร่างกาย ทำให้มีการสะสมของคอลลาเจนและอีลาสตินที่เสื่อมสภาพ (ทั้งที่ควรจะถูกกำจัดออก)
ทั้งยังกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระอีกด้วย
ได้ฟังแบบนี้แล้ว มื้อถัดไปพี่ปินิกซ์คงต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น
เห็นรสชาติอร่อย ไม่คิดว่าโทษจะเยอะขนาดนี้เลย
สรุป
น้ำตาล ก็ คือสารให้ความหวานที่สามารถสกัดมาจากพืชมากมายหลายชนิด เป็นส่วนประกอบของอาหารแทบจะทุกชนิด ภายใต้ความหวาน มีภัยร้ายซ่อนอยู่ บริโภคมากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคเยอะแยะไปหมด ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
บางคนสงสัยว่า แล้วแบบนี้จะทานอะไรดี ไม่ควรทานเลยหรือ พี่ปินิกซ์แนะนำอย่างนี้ค่ะ
เราสามารถทานได้แต่ต้องไม่มากเกินไป หรือสามารถใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอื่น ๆ ได้ค่ะ